วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เมื่อเจอปัญหาแอร์เสียงดัง แอร์ไม่เย็น แอร์กินไฟ แอร์มีปัญหาหลังหมดประกัน

แอร์ห่วย แอร์เสียงดัง ส่วนใหญ่จะมีสาเหตุดังต่อไปนี้ครับ


 1. แอร์มีเสียงดังเนื่องจาก คอยล์เย็นเสื่อมสภาพ ในแอร์นั้นจะมีพัดลมตัวใหญ่ที่จะคอยทำหน้าที่ดูด-เป่าอากาศภายในห้อง ซึ่งภายในพัดลมนั้นก็จะมีชิ้นส่วนที่เรียกว่าตลับลูกปืนพัดลม หรือแบริ่งมอเตอร์อยู่ภายใน หากชิ้นส่วนนี้เกิดการเสื่อมสภาพ หรือจารบีที่ใส่ไว้ในตลับลูกปืนแห้ง ก็จะทำให้แอร์มีเสียงดังในขณะที่พัดลมแอร์กำลังทำงานนั่นเอง ของที่ใช้ไปนานๆก็ต้องมีการเสื่อมสภาพไปตามอายุนะครับ

 2. ถ้าหากเป็นแอร์ที่เก่ามากๆ อาจเกิดเสียงดังเวลาทำงานเนื่องจากโครงสร้างผิดรูป เนื่องจากเกิดช่องว่างระหว่างตัวอุปกรณ์ หรือช่องว่างระหว่างตัวแอร์กับผนังที่ติดตั้ง ทำให้เวลาแอร์ทำงานก็จะเกิดอาการสั่นสะเทือน ซึ่งทำให้เกิดเสียงรบกวนได้ 

3. แอร์มีเสียดังเพราะมีฝุ่นเข้าไปเกาะสะสมมาก เพราะหากเราไม่ได้ทำการล้างแอร์ เครื่องปรับอากาศเป็นเวลานาน ทำให้อุปกรณ์ภายนั้นนั้นมีฝุ่นเข้าไปจับตามส่วนต่างๆ ก็ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้แอร์เกิดเสียงขณะทำงานเช่นกัน หรือหากมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในตัวแอร์ (ส่วนใหญ่จะเป็นมดหรือแมลงต่างๆ) จนมอเตอร์ทำงานไม่สะดวก ก็ทำให้แอร์มีเสียงดัง และจะทำให้แอร์กินไฟมากขึ้นด้วยเป็นที่มาของสาเหตุแอร์พังง่าย พังไว ตามมาด้วยปัญหาอีกหลายประการ(งานเข้านั้นเอง)

 4. แอร์บ้านเกิดเสียงดังจากการติดตั้งไม่ได้มาตรฐาน หากเรามีการจ้างช่างแอร์เข้ามาติดตั้งแอร์ในบ้าน หรือมีการถอดชิ้นส่วนของแอร์มาเพื่อทำการล้าง แต่ด้วยการที่ช่างอาจจะขาดประสบการณ์ ทำให้การติดตั้งหรือประกอบแอร์กลับเข้าไปไม่ได้มาตรฐาน ก็เป็นสาเหตุทำให้เกิดเสียงดังขึ้นได้ (กรณีนี้น่าจะเป็นช่างแอร์ห่วย ไม่ใช่แอร์ห่วย - -) 

5. แอร์มีเสียงดังเนื่องจาก ขันน็อตยึดคอมเพรสเซอร์ไม่แน่น บางครั้งเสียงที่เกิดขึ้นอาจไม่ได้มาจากตัวเครื่องปรับอากาศโดยตรง แต่มาจากเครื่องคอมเพรสเซอร์ที่เราติดตั้งเอาไว้ดูดอากาศร้อนออกไปภายนอก ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักเกิดมาจากคุณภาพการประกอบติดตั้งที่ไม่ได้มาตรฐานเช่นกัน 

6. ลูกยางรองคอมเพรสเซอร์เสื่อมสภาพ เนื่องจากคอมเพรสเซอร์ก็คือพัดลมดูดอากาศขนาดใหญ่ ที่เวลาทำงานก็จะหลีกเลี่ยงการสั่นสะเทือนได้ยาก ดังนั้นหากส่วนของลูกยางที่ทำหน้าที่รองรับแรงสั่นสะเทือนของพัดลมคอมเพรสเซอร์เกิดเสื่อมสภาพลง ไม่ว่าจะจากภาวะอากาศหรือปัจจัยอื่นๆ (อาจเกิดได้ง่าย เพราะเป็นอุปกรณ์ที่ติดตั้งภายนอกบ้าน) ก็จะทำให้แอร์มีเสียงดังเช่นกัน

 7. โครงที่วางคอมเพรสเซอร์เสื่อมสภาพ นอกจากลูกยางแล้ว หากโครงเหล็กที่เราใช้วางคอมเพรสเซอร์เกิดการเสื่อมสภาพ น๊อตหลวม หรือติดตั้งเข้ากับกำแพง ฯลฯ ไม่แน่นอน เวลาคอมเพรสเซอร์ทำงานก็จะเกิดเสียงดังเช่นกัน

 8. ใบพัดลมคอมเพรสเซอร์แตก หากเรามีการใช้งานตัวแอร์และคอมเพรสเซอร์มาเป็นเวลานาน จำเป็นต้องตรวจเช็คคุณภาพของพัดลมในอุปกรณ์ด้วย เพราะอาจเกิดจากการเสื่อมสภาพ หรือมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปขัดเวลาแอร์ทำงาน ทำให้เกิดเสียงดังรบกวนได้เช่นกัน   

วิธีแก้ปัญหาแอร์ห่วย แอร์เสียดัง ทำดังนี้

 - เลือกใช้บริการติดตั้ง ซ่อมดูแล และล้างเครื่องปรับอากาศจากหน่วยงานที่มีมาตรฐานในการทำงาน 

- การเลือกพื้นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ให้ดี เนื่องจากคอมเพรสเซอร์จะต้องติดตั้งภายนอกอาคาร จึงอาจพิจารณาให้มีระแนงกั้นกันสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในตัวเครื่อง

 - ดูแลรักษาแอร์แบบพื้นฐานอย่างสม่ำเสมอ อาทิ การเติมน้ำยาแอร์ปีละ 2 ครั้ง การตรวจท่อเช็คน้ำยาแอร์ หรือการล้างแอร์ปีละ 4 ครั้ง และต้องตรวจเช็คคอมเพรสเซอร์เพิ่มเติมนอกจากตัวแอร์ที่ติดตั้งในห้องด้วย   ถ้าแอร์มีเสียงดัง อย่าปล่อยไว้เป็นปัญหาเรื้อรังนะครับ ควรรีบแก้ใข ถ้าแก้ด้วยตัวเองไม่ได้ก็เรียกช่างมาดูให้ครับ เนื่องจากแอร์ที่ทำงานได้เย็นเร็วและเงียบ ก็คือหนึ่งในปัจจัยแห่งความสุขที่จำเป็นสำหรับบ้านเพื่อนๆ ทุกคนเสมอครับ

จบปัญหาแอร์ห่วย แอร์ไม่เย็น แอร์เสียดัง แอร์กินไฟ ใครก็ทำได้

วิธีซ่อมแอร์ เมื่อเจอแอร์ห่วย แอร์เสียดัง ทำดังนี้

- เลือกใช้บริการติดตั้ง ซ่อมดูแล และล้างเครื่องปรับอากาศจากหน่วยงานที่มีมาตรฐานในการทำงาน

- การเลือกพื้นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ให้ดี เนื่องจากคอมเพรสเซอร์จะต้องติดตั้งภายนอกอาคาร จึงอาจพิจารณาให้มีระแนงกั้นกันสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในตัวเครื่อง

- ดูแลรักษาแอร์แบบพื้นฐานอย่างสม่ำเสมอ อาทิ การเติมน้ำยาแอร์ปีละ 2 ครั้ง การตรวจท่อเช็คน้ำยาแอร์ หรือการล้างแอร์ปีละ 4 ครั้ง และต้องตรวจเช็คคอมเพรสเซอร์เพิ่มเติมนอกจากตัวแอร์ที่ติดตั้งในห้องด้วย ไม่ว่าจะเป็น แอร์ไดกิ้น แอร์LG แอร์ซัมซุงที่ชอบโดนสวดเรื่องบริการหลังการขายอยู่เป็นประจำ หรือแอร์ยี่ห้อไหนอะไรก็ตามครับ วิธีการดูแลรักษาแทบไม่ต่างกันเลย

อาการนี้ ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการทำงานของแอร์เสียโดยตรงหรอกครับ แต่เป็นเพราะปัจจัยต่างๆ ที่มีผล ทำให้แอร์ห่วย แอร์ไม่เย็น แอร์กินไฟใช้ไฟมากขึ้นกว่าเก่า และใช้เงินในกระเป๋าของท่านมากเกินความจำเป็น ซึ่งบางข้อเป็นปัจจัยตามธรรมชาติ และบางข้อก็ป้องกันได้ง่ายๆ วิธีการ ปฎิบัติ ลองทำตามวิธีด้านบนดูนะครับ วิธีประหยัดค่าแอร์บ้าน แอร์พังง่ายได้ครับ

ถ้าแอร์มีเสียงดัง อย่าปล่อยไว้เป็นปัญหาเรื้อรังนะครับ ควรรีบแก้ใข ถ้าแก้ด้วยตัวเองไม่ได้ก็เรียกช่างมาดูให้ครับ เนื่องจากแอร์ที่ทำงานได้เย็นเร็วและเงียบ ก็คือหนึ่งในปัจจัยแห่งความสุขที่จำเป็นสำหรับบ้านเพื่อนๆ ทุกคนเสมอครับ

วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เข้าสมรภูมิแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า เดอะซีรี่ส์ ตอน “ซื้อตู้เย็นอย่างไรให้คุ้ม”

ตู้เย็นถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกบ้านขาดไม่ได้ และไม่ได้เป็นของที่จะซื้อหรือเปลี่ยนได้บ่อยๆ ลำพังแค่จะเคลียร์ของออกจากตู้เย็นยังยาก จะให้เปลี่ยนทุกฤดูกาลเหมือนแฟชั่นลืมไปได้เลยค่ะ ดังนั้นเมื่อเพื่อนๆ กำลังมีแพลนจะซื้อตู้เย็นสักหลังจะต้องเลือกให้ดีให้ตอบโจทย์ เพราะจะต้องอยู่กับเราไปอีกหลายปี ยิ่งเดี๋ยวนี้ Option ยิ่งมากก็ยิ่งมึนค่ะ เดินเข้าแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยไม่ทำการบ้านมาก่อนนี่ ลับสมองระทึกใจยิ่งกว่าแข่งคณิตศาสตร์โอลิมปิก!! ไหนจะข้อมูลจากพนักงานขาย ไหนจะมีแบบมีรุ่นให้เลือกมากมาย ไหนจะรักพี่เสียดายน้อง! โอ๊ย! อย่าเพิ่งตกใจไปค่ะ อาการเหล่านี้จะหมดไป เพราะเรามีหลักการง่ายๆ ดีๆ โดนๆ สำหรับวิธีเลือกซื้อตู้เย็นมาฝาก! รับรอง 6 ข้ออยู่ค่ะ! แล้วคุณจะเห็นว่าเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า ไม่ได้ยากอย่างที่คิด! เลือกให้ตัวเองเเล้วอย่าลืมอาสาไปเลือกให้เพื่อนด้วยนะคะ

1. ขนาดตู้เย็นที่พอดี - เหมาะกับจำนวนคนที่ใช้และพื้นที่ที่จะวาง
1. ขนาดตู้เย็นที่พอดี - เหมาะกับจำนวนคนที่ใช้และพื้นที่ที่จะวาง

ขนาดกี่คิวดี? - ตู้เย็นใหญ่เกินก็เปลืองไฟ เปลืองพื้นที่โดยไม่จำเป็น ง่ายๆ ให้ดูว่าคนในบ้านอยู่กันกี่คน จะแช่ของกันเยอะมั้ย ให้เลือกขนาดที่พอดีกับจำนวนคนและพฤติกรรมการใช้ ถ้าเป็นพวกทำกับข้าวกินกันเองบ่อย มีผักผลไม้ติดบ้านประจำ ก็ต้องใหญ่หน่อย ปกติถ้าอยู่กัน 2-3 คน ให้ใช้ขนาด 6-10 คิว, 4-5 คน ใช้ขนาด 10-15 คิว, 6 คนขึ้นไป ให้ใช้ขนาดไม่ต่ำกว่า 15 คิว
ใหญ่แค่ไหนดี? - ต้องดูให้พอดีกับพี้นที่ที่จะใช้วางตู้เย็นนะคะ วัดไปเลย กว้าง X ลึก X สูง ได้เต็มที่เท่าไหร่ บันไดกว้างเท่าไหร่ วงกบประตูกว้าง วัดเผื่อไว้เลย ตอนขนย้ายจะได้ไม่ติดปัญหา ไม่ใช่เตรียมที่สำหรับวางตู้เย็นไว้ขนาดเมตรคูณเมตรแต่ถอยรุ่นใหญ่สุด สองประตูฝาหน้ามา! มีแววได้ไปนอนในตู้เย็นกันล่ะค่ะงานนี้! อ่อ ให้วัดเป็นเซนติเมตรนะคะ จะได้เทียบง่ายที่สุด!

2. ระบบความเย็นที่ดี - ให้ความเย็นคงที่สม่ำเสมอ และกระจายทั่วถึงทุกชั้นวาง

ตู้เย็นที่เย็นจัดเกินไปไม่ได้แปลว่าตู้เย็นจะดี เพราะนอกจากจะทำให้คุณค่าอาหารเปลี่ยนไปแล้ว ยังเปลืองไฟโดยไม่จำเป็น! ควรเลือกตู้เย็นที่ให้ความเย็นที่เหมาะสม มีระบบรักษาสมดุลความเย็นในตู้ได้ดี ไม่เย็นเกินไป ไม่เย็นน้อยไป และมีระบบกระจายความเย็นทั่วถึงทุกชั้นในตู้ ซึ่งนี่จะทำให้อาหารเก็บได้นาน คงคุณค่า รสชาติ ความสดใหม่ จะได้ไม่เสียคาตู้ก่อนเวลาอันควร


2. ระบบความเย็นที่ดี - ให้ความเย็นคงที่สม่ำเสมอ และกระจายทั่วถึงทุกชั้นวาง
3. อายุการใช้งานนาน - ทนทานเกิน 10 ปี

รายไหนรับประกันยาวๆ แบบ 10 ปี รวมรวมอะไหล่ รวมคอมเพรสเซอร์ด้วยจะดีมาก แสดงว่าเค้ามั่นใจว่าของเค้าดีจริง ทนจริง ให้เลือกเจ้านั้นไปเลย สบายใจไร้กังวลระยะยาว

4.             บริการหลังการขาย - คุณภาพเชื่อถือได้

ให้เน้นเจ้าที่มีชื่อเสียงเรื่องศูนย์บริการคอยให้คำปรึกษา ยิ่งเจ้าไหนเปิดให้บริการทุกวัน โทรปรึกษา แจ้งซ่อมได้ตลอด บริการไว ซ่อมให้ถึงบ้าน แสดงว่าดี มีคุณภาพ ไม่ทิ้งทุ่นคุณกลางอากาศไว้กับตู้เย็นเพลียๆ และอาหารเสียๆ อย่างแน่นอน!

5.             ดีไซน์ที่สวยกำลังดี - เรียบหรู อยู่นาน (10 ปีก็ยังไม่เชย)

ตู้เย็นไม่ได้เป็นสิ่งที่เปลี่ยนกันบ่อยๆ แถมตู้เย็นนี่ยังเป็นอะไรที่เราเจอทุกวัน เปิด ปิด หยิบ จับ เดินผ่าน เห็นกันวันละมากกว่า 20 รอบ เลยขอแนะนำให้เลือกดีไซน์แนวเรียบหรู อยู่นานไว้ก่อน เพราะสิ่งนี้จะอยู่กับเราอีกนานค่ะ อย่างต่ำ 10 ปี!

6.             ราคา - ความคุ้มค่า

หลักการสุดท้ายนี้ หากยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอารุ่นไหนดี แบบรักพี่เสียดายน้อง ให้ใช้วิธีกดเครื่องคิดเลขเลยค่ะ คำนวณหาค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งานของแต่ละรุ่น แล้วนำมาเปรียบเทียบกันดู ว่ากันง่ายๆ รุ่นไหนค่าใช้จ่ายต่ำสุดคือคุ้มสุดนั่นเอง สูตรง่ายๆ ส่วนตัวมาก ตามนี้นะคะ


ราคาตู้เย็น หาร จำนวนปีที่การรับประกัน
ราคาตู้เย็น หาร จำนวนปีที่การรับประกัน
บวก ค่าไฟต่อปีที่ระบุบนป้ายเบอร์ 5 หน้าตู้เย็น หาร 365 วัน

เมื่อคำนวณแล้วจะเห็นได้ชัดเจนเลยค่ะ ว่าตัวไหนค่าใช้จ่ายน้อยกว่า ตัวไหนคุ้มกว่าตามตารางเปรียบเทียบด้านล่างนี้


เมื่อคำนวณแล้วจะเห็นได้ชัดเจนเลยค่ะ ว่าตัวไหนค่าใช้จ่ายน้อยกว่า ตัวไหนคุ้มกว่าตามตารางเปรียบเทียบด้านล่างนี้
เพียงเท่านี้คุณก็จะได้คำตอบว่าตัวไหนคุ้มสุด ตัวไหนควรซื้อแบบไม่ต้องลังเลใจ หลักการต่างๆ เหล่านี้มีไว้เพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจก่อนซื้อ ถ้ายังจำได้ไม่คล่องก็ท่องไว้ค่ะ สวย คุ้ม ทน จากนั้นก็แล้วแต่ความชอบส่วนตัวเลยค่ะว่าตัวไหนดี ตัวไหนโดน ตัวไหนน่าอุ้มกลับบ้าน เห็นมั้ยคะว่าการเลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ใช่เรื่องที่น่าปวดหัวอีกต่อไป ขอให้สนุกกับการเลือกซื้อตู้เย็นค่ะ!

วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ตู้เย็น samsung ไม่เย็นปัญหาตู้เย็นระดับชาติซ่อมตู้เย็นยังไง?


ตู้เย็น samsung ไม่เย็นปัญหาตู้เย็นระดับชาติซ่อมตู้เย็นยังไง?

เคลียร์ตู้เย็นให้โล่ง
อาจเป็นไปได้ว่ามีสิ่งของที่คุณแช่ตู้เย็น  ทำให้ตู้เย็น samsung ไม่เย็น ขวางทางช่องเดินลมของตู้เย็นอยู่และนี่เองก็เป็นสาเหตุแรกที่ต้องหยิบขึ้นมาพูด เพราะอาจบานปลายกลายเป็นปัญหาตู้เย็นsamsungเสีย ต้องซ่อมตู้เย็นซัมซุงซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มากกันเลยทีเดียว
กรณีแรก : ตู้เย็นไม่เย็นเลยทั้งช่องบนและช่องล่าง
           ให้สังเกตุว่า คอมเพรสเซอร์ที่อยู่ข้างหลังตู้ทำงานหรือเปล่า? ถ้าทำงานจะมีเสียง ฮึม !!!! ที่ตัวคอม ให้ลองแตะที่ตัวคอมดู จะร้อนนิดๆ ถ้าคอมไม่ทำงานแต่ไฟตู้เย็นติด แสดงว่าคอมอาจจะเสียครับ แต่ยังมีชุด relay และ overload จ่ายไฟให้กับคอมเรสเซอร์ อีกต่างหาก อย่างนี้ต้องให้ช่างผู้ชำนาญเช็คดูก่อนซ่อมตู้เย็นครับ ถ้าชุด relay และ overload ที่ติดอยู่กับตัวคอมเพรสเซอร์เสียเอง คุณก็โชคดีครับ เพราะถ้าเป็นคอมเพรสเซอร์เสีย ราคาซ่อมจะสูงเป็นพันเลยครับผม
กรณีสอง : ตู้ข้างบน(ช่องฟิต)เย็น แต่ข้างล่างไม่เย็น
           แสดงว่าไฟเข้าเครื่อง คอมทำงานปกติ กรณีนี้ผมว่าเป็นที่ภายในแล้วครับผม อาการแบบนี้เค้าเรียกว่า 'ตัน' ครับ สังเกตุดูอันดับแรกช่องฟิตมีน้ำแข็งดันล้นออกมาไหม?ถ้ามีน้ำแข็งดันล้นออกมา ก็แสดงว่าระบบละลายน้ำแข็งมีปัญหาครับ
เพราะ เครื่องจะสั่งให้คอมเพรสเซอร์ทำงานตลอด สร้างน้ำแข็งตลอด แต่ไม่ยอมตัด น้ำแข็งจึงตัน แถมยังไปบังช่องลมที่จะลงมายังประตูล่างอีกครับ นี่แหละ คือต้นสายปลายเหตุที่ข้างบนเย็น แต่ข้างล่างไม่เย็นครับ
ยังมีอีกหลายสาเหตุครับ ค่อยๆดู ค่อยๆศึกษากันไปครับ ตู้เย็นเสียเมื่อไหร่ทางที่ดีให้รีบติดต่อช่างทันทีนะครับ ถ้ายังอยู่ในประกันจะได้ประหยัดค่าใช้จ่าย

ละลายน้ำแข็ง
ตู้เย็นซัมซุงรุ่นใหม่นั้นจะมีระบบ "NO FORCE" หรือ ระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ ซึ่งตู้เย็นสมัยก่อนจะไม่มี และ อาจไม่มีหรือมีในรุ่นระดับล่างของตู้เย็นสมัยใหม่ก็เป็นได้ ข้อดีข้อเสียไม่ต้องพูดถึง เพราะเห็นได้อย่างชัดเจน บางคนเห็นมีน้ำแข็งเกาะตู้เย็นแล้วเอาของมีคม ไปเซาะเพื่อเอาน้ำแข็งออก นั่นก็อาจทำให้ท่อน้ำยารั่วได้

ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม
ดูอุณหภูมิของตู้เย็น แล้วปรับให้พอเหมาะกับที่ท่านต้องการ และยังช่วยลดค่าไฟได้อีกด้วย

เรียกช่าง
กรณีที่ทำตามแล้วยังไม่ได้ผล อาจเป็นได้ไปว่าเป็นปัญหาทางอุปกรณ์เอง ซึ่งต้องทำการเรียกช่างซ่อมจะดีกว่า หากซ่อมเองแล้วจากอาการนิดเดียว แล้วหนักขึ้น อาจจะไม่คุ้มกัน ราคาค่าซ่อมตู้เย็นก็ขึ้นอยู่กับอะไหล่และต้นทุน จากทางผู้ผลิต

เครื่องซักผ้า samsung ทนไหม ซัมซุงควรซื้อมั้ย


หลายคนมีคำถามเครื่องซักผ้า samsung ทนไหม เครื่องซักผ้ายี่ห้อไหนดี เครื่องซักแบบไหนที่ทน ใช้ได้นาน คุ้มค่า คุ้มราคาวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการเลือกเครื่องซักผ้า ไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหน หรือยี่ห้อไหน วิธีการดูแลรักษาแทบไม่แตกต่างกัน  ให้ทนทานนาน5-10ปีจะได้ไม่ต้องกลับมาถามอีกว่า เครื่องซักผ้าซัมซุงทนไหม เพราะถ้าใช้ไม่ถนอมเครื่องซักผ้ายี่ห้อไหนก็แทบไม่ต่างกัน ครับ
1. ปริมาณของผ้าที่จะซัก  ถ้าคุณเป็นคนโสด ประมาณว่าอยู่คอนโดคนเดียว  ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องซักผ้าถังใหญ่ เนื่องจากต้องใช้ปริมาณน้ำค่อนข้างมากในการซักผ้าแต่ละครั้ง  แนะนำเครื่องซักผ้าขนาดประมาณ 3-5 กก. ก็พอแล้ว แต่ถ้าอยู่เป็นครอบครัวหลายคนก็เลือกแบบถังขนาดใหญ่ 6-8 กก. ซักทีเดียวเยอะๆ คุ้มดี ไม่เปลืองน้ำ ไม่เปลืองไฟ
2. รอบของการหมุน ยิ่งรอบในการหมุนมีความเร็วมากเท่าไหร่ ยิ่งมีผลต่อความเร็วในการซักผ้ามากขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าความเร็วรอบสูงไม่เหมาะกับผ้าที่เนื้อบาง เนื่องจากจะทำให้เนื้อผ้าเกิดความเสียหายได้ แนะนำให้ใส่ในถุงตาข่ายสำหรับซักผ้าอีกชั้นก่อนใส่ลงในเครื่องซักผ้า
3. ฝาหน้าหรือฝาบนดี?
- ฝาหน้า  เชื่อกันว่าถนอมเนื้อผ้ามากกว่า การเสียดสีของผ้าน้อยกว่าทำให้ผ้าไม่เป็นขุยหรือยืดย้วย มีฟังก์ชั่นการซักและการปั่นแห้งเยอะกว่า สามารถทำความร้อนได้ในตัว เลือกอุณหภูมิขณะซักได้ด้วย ที่สำคัญคือทนทาน ประหยัดน้ำ แต่ราคาค่อนข้างสูง  ข้อดีของเครื่องซักผ้าฝาหน้าคือเป็นระบบอัตโนมัติ ไม่ต้องยุ่งยากในการเติมน้ำ เปลี่ยนถังซัก เพียงแค่ตั้งค่าไว้และรอเอาไปตากอย่างเดียว เหมาะกับคนโสดและคนที่ต้องการความสะดวกสบาย
- ฝาบนแบบถังเดียว มีการทำงานแบบอัตโนมัติเช่นเดียวกับฝาหน้า สะดวกสบายเหมือนกัน แค่ตั้งระบบซักหลังจากใส่ผ้าลงถังแล้ว เครื่องก็จะทำการจ่ายน้ำเข้าเครื่องและตัดให้อัตโนมัติ จากนั้นก็จะซักจนถึงปั่นหมาดให้ในถังเดียว โดยเครื่องที่มีฝาด้านบนแบบนี้จะมีแกนหมุนตรงกลาง เพื่อคอยหมุนให้ผ้าเสียดสีกัน เป็นวิธีขจัดสิ่งสกปรกออกจากผ้านั่นเอง
- ฝาบนแบบถังคู่  เป็นเครื่องซักผ้ากึ่งอัตโนมัติ ที่แยกให้ถังหนึ่งสำหรับซัก และอีกถังไว้สำหรับปั่นผ้าให้หมาด ผู้ใช้งานจำเป็นต้องทำการเปลี่ยนผ้าจากถังซักมายังถังปั่นหมาดเอง รวมทั้งต้องเติมน้ำเปลี่ยนน้ำซักเอง อาจดูยุ่งยากไปบ้าง แต่ถ้าใครที่ชอบตั้งเวลาซักแบบตามสะดวกส่วนตัว และอยากแยกผ้าบางชิ้นออกมาตากก่อนทำการปั่นหมาดได้ทุกเมื่อรวมถึงอยู่ในครอบครัวใหญ่ที่ต้องซักผ้าปริมาณมากๆ ก็ย่อมต้องชอบเครื่องซักผ้าแบบถังคู่นี้แน่นอน
สรุปแล้วคือดีทั้งคู่  ไม่จำเป็นต้องเลือกแบบที่ไฮเทคสุดยอดหรือเริ่ดหรูราคาแพง ขึ้นอยู่งบประมาณของแต่ละบ้านว่ามากน้อยแค่ไหน   

 

Template by BloggerCandy.com | Header Image by Freepik